การวางแผนภาษีที่ดีไม่ใช่แค่การหลีกเลี่ยงภาษี แต่เป็นการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่กฎหมายอนุญาตอย่างถูกต้อง เพื่อลดภาระภาษีได้อย่างถูกกฎหมายและเพิ่มเงินเก็บได้มากขึ้น วันนี้ Phueantae จะพาคุณทำความเข้าใจการวางแผนภาษีแบบง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้ 📋
1. ทำความเข้าใจภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือภาษีที่เรียกเก็บจากรายได้ของบุคคล มีอัตราภาษีแบบขั้นบันได (Progressive Tax) ยิ่งมีรายได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น
อัตราภาษีปี 2025:
- • 0-150,000 บาท: ยกเว้น (0%)
- • 150,001-300,000 บาท: 5%
- • 300,001-500,000 บาท: 10%
- • 500,001-750,000 บาท: 15%
- • 750,001-1,000,000 บาท: 20%
- • 1,000,001-2,000,000 บาท: 25%
- • 2,000,001-5,000,000 บาท: 30%
- • 5,000,001 บาท ขึ้นไป: 35%
การวางแผนภาษีที่ดีคือการใช้สิทธิลดหย่อนต่างๆ ให้เต็มที่ เพื่อลดเงินได้สุทธิที่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะช่วยให้คุณเสียภาษีน้อยลงอย่างถูกกฎหมาย
2. รู้จักค่าลดหย่อนภาษีพื้นฐาน
ค่าลดหย่อนภาษีคือรายการที่กฎหมายอนุญาตให้นำมาหักออกจากเงินได้ก่อนคำนวณภาษี ยิ่งมีค่าลดหย่อนมาก ก็ยิ่งเสียภาษีน้อยลง นี่คือค่าลดหย่อนที่คนทำงานควรรู้:
ค่าลดหย่อนส่วนตัว
60,000 บาท — ทุกคนได้อัตโนมัติ
ค่าลดหย่อนคู่สมรส
60,000 บาท — ถ้าคู่สมรสไม่มีรายได้
ค่าลดหย่อนบุตร
30,000 บาทต่อคน (สูงสุด 3 คน) — บุตรอายุไม่เกิน 20 ปี หรือเรียนต่อไม่เกิน 25 ปี
บิดามารดา
30,000 บาทต่อคน (ทั้งฝ่ายตัวเองและคู่สมรส) — อายุเกิน 60 ปี และรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
ประกันสังคม
จำนวนที่จ่ายจริง (สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท/ปี)
เพียงแค่ใช้ค่าลดหย่อนพื้นฐานเหล่านี้ก็สามารถลดภาษีได้มากแล้ว แต่ยังมีค่าลดหย่อนเพิ่มเติมที่จะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้มากขึ้นอีก!
3. ใช้สิทธิลดหย่อนเพิ่มเติมอย่างชาญฉลาด
นอกจากค่าลดหย่อนพื้นฐาน ยังมีค่าลดหย่อนเพิ่มเติมที่คุณควรใช้ให้เต็มที่:
ประกันชีวิต
หักได้สูงสุด 100,000 บาท — ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์หรือแบบบำนาญ (ไม่รวมประกันแบบชั่วคราวหรือประกันสุขภาพ)
ประกันสุขภาพ
หักได้สูงสุด 25,000 บาท — ประกันสุขภาพสำหรับตัวเอง คู่สมรส และบุตร
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)
หักได้สูงสุด 500,000 บาท หรือไม่เกิน 15% ของเงินเดือน — ถ้าบริษัทมี PF ให้จ่ายเต็มที่เพราะได้ทั้งลดภาษีและได้เงินสมทบจากบริษัท
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
หักได้สูงสุด 500,000 บาท หรือไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน — ต้องถือครอง 5 ปีขึ้นไป เหมาะกับคนที่มีรายได้สูง
กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)
หมายเหตุ: LTF เลิกขายแล้วตั้งแต่ 31 ธันวาคม 2562 แต่ถ้ามี LTF เดิมอยู่ยังหักลดหย่อนได้ตามเงื่อนไขเดิม
เคล็ดลับ: รวมกันแล้ว PF + RMF + LTF (ถ้ามี) หักลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ดังนั้นควรวางแผนให้ดีว่าจะจัดสรรอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
4. ค่าลดหย่อนพิเศษที่มักลืม
มีค่าลดหย่อนอีกหลายรายการที่หลายคนมักลืมใช้ ทั้งที่สามารถช่วยลดภาษีได้:
- กองทุนการออม (กอช.) — หักได้สูงสุด 30,000 บาท เป็นทั้งกองทุนเพื่อการออมและได้สิทธิลดหย่อนภาษี
- ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมซื้อบ้าน — หักได้สูงสุด 100,000 บาท ต้องเป็นที่อยู่อาศัยของตัวเอง
- ค่าเลี้ยงดูบิดามารดาที่ป่วยติดเตียง — หักเพิ่มอีก 60,000 บาทต่อคน (รวม 30,000 + 60,000 = 90,000 บาท)
- ค่าฝากครรภ์และทำคลอด — หักได้สูงสุด 60,000 บาท (ตั้งแต่ปี 2024)
- เงินบริจาค — บริจาคทั่วไปหักได้ 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย บริจาคการศึกษา/กีฬา หักได้เพิ่มอีก 10%
- ช้อปช่วยชาติ — ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต/เดบิต หักได้ 40,000 บาท (ถ้ามีโครงการ)
การใช้สิทธิเหล่านี้อย่างครบถ้วนจะช่วยให้คุณลดภาษีได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะค่าลดหย่อนที่เกี่ยวข้องกับการออมและการลงทุนระยะยาว
5. เก็บเอกสารให้ครบถ้วน
การวางแผนภาษีที่ดีต้องมาพร้อมกับการเก็บเอกสารหลักฐานที่ดีด้วย เพราะกรมสรรพากรอาจขอตรวจสอบได้ภายใน 5 ปี
เอกสารที่ควรเก็บ:
- • ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ
- • หนังสือรับรองการซื้อ RMF, LTF, กอช.
- • สลิปเงินเดือนที่แสดงการหัก PF
- • ใบเสร็จดอกเบี้ยบ้าน
- • ใบเสร็จค่าฝากครรภ์/ทำคลอด
- • ใบเสร็จการบริจาค
- • สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ที่ขอลดหย่อน
จัดเก็บเอกสารเหล่านี้ไว้อย่างเป็นระบบ แนะนำให้สแกนเก็บไว้เป็นไฟล์ดิจิทัลด้วย เพื่อความสะดวกในการค้นหาและป้องกันการสูญหาย
6. ยื่นภาษีให้ตรงเวลา
การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องทำภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี สำหรับรายได้ของปีก่อนหน้า ถ้าคุณยื่นช้า จะมีค่าปรับและเสียดอกเบี้ย
วิธียื่นภาษี:
- • ยื่นออนไลน์ผ่าน RD Smart Tax — สะดวก รวดเร็ว คำนวณภาษีอัตโนมัติ
- • ยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ — ถ้าไม่คุ้นเคยกับระบบออนไลน์
- • ยื่นทางไปรษณีย์ — ส่งแบบแสดงรายการและเอกสารทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
สำหรับมือใหม่ แนะนำให้ใช้ RD Smart Tax เพราะง่ายและมีคำแนะนำทุกขั้นตอน ระบบจะช่วยคำนวณภาษีให้อัตโนมัติและบอกว่าคุณต้องเสียภาษีเท่าไหร่ หรือได้รับเงินคืนเท่าไหร่
สำคัญ: ถ้าบริษัทหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้มากกว่าที่ต้องเสียจริง คุณจะได้รับเงินภาษีคืน! ดังนั้นอย่าลืมยื่นแบบแม้ว่าจะคิดว่าไม่ต้องเสียภาษี
สรุป
การวางแผนภาษีที่ดีคือการใช้สิทธิประโยชน์ที่กฎหมายให้อย่างเต็มที่และถูกต้อง ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงภาษีแบบผิดกฎหมาย เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจค่าลดหย่อนที่คุณมีสิทธิ์ จากนั้นวางแผนการออมและลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน
การวางแผนภาษีที่ดีจะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้หลายหมื่นบาทต่อปี และเงินส่วนนี้สามารถนำไปออมหรือลงทุนต่อได้ — Phueantae เพื่อนแท้ ❤️


